Tuesday, January 31, 2006

แด่ยูโกะจัง



ไม่เคยเป็นเช่นนี้ชีวีข้า
ต้องมนต์ตรารักซึ้งฉ่ำตรึงหวาน
ใบหน้าเธอดุจมาลีที่แย้มบาน
ฉุดวิญญาณฉกหัวใจข้าไปครอง....

Friday, January 27, 2006

ไกย่างถูกเผา

(ไปลอกมาจากไหนไม่รู้ว่ะ ชอบๆ)
ไก่ย่างถูกเผา….ไก่ย่างถูกเผาเสียบก้นซ้าย …อ่ะ…เสียบก้นขวาร้อน…จริงๆ……ร้อน..จริงๆ..ร้อนจริงๆ……..….

“ ถ้าเรื่องแค่นี้ ยังทำไม่ได้ “ว้ากเกอร์รุ่นพี่คนนั้น ยังคงคำรามต่อไป หลังจากที่ได้พล่ามจนน้ำลายแตกเป็นฟองฟ่อด จับเป็นกลุ่มขาวที่มุมปาก
“ มึงก็ไปตายซะเหอะ”………………

แมน ไม่เคยคิดเลยว่า นอกจากการสอบเอนทรานส์ที่ค่อนข้างลำบากยากเย็นผ่านไปแล้ววันแรกที่เข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัย ที่แมนเคยใฝ่ฝัน จะพาเขาไปสู่ความกระอักกระอ่วนใจอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิตวันสุดท้ายของการสอบเอนทรานส์ แมนและเพื่อนๆที่เรียนมัธยมมาด้วย จับกลุ่มคุยถึงการสอบที่ผ่านไปจนค่ำมืด
หนูหิ่น สาวเก่งประจำกลุ่มผู้มีความหวังค่อนข้างมากกับการสอบเข้าเรียนในภาควิชาเภสัชศาสตร์ พูดถึงการได้ย้ายออกจากบ้านเพื่อเข้าอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย ดูเธอไม่มีความกังวลใจใดๆกับการที่ต้องพลัดที่นา คาที่อยู่ ต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อม และการที่ต้องพบกับเพื่อนใหม่ๆ
สิทธิ์ หนุ่มน้อยหน้าสิวผู้เงียบขรึม หากแต่เป็นขวัญใจของเพื่อนๆเสมอ ค่าที่ สิทธิ์ มักจะมีอะไรๆแปลกๆมาฝากเพื่อนเป็นประจำ ไม่ว่าบทความแปลกๆ การอ่านใจของคนจากค่านิยมในการแต่งตัว หรืออาหารการกินสิทธิ์ ตั้งใจจะเป็นสถาปนิก เขาเลือกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ
ฟ้าใส สาวน้อยสดใสวัยร่าเริง ผู้ไม่เคยมีความทุกข์เธอไม่ค่อยแน่ใจนักกับการเลือกเรียนในคณะนิเทศศาสตร์แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังเลือกเอาคณะนี้เป็นที่หมาย ไล่เรียงลำดับลงมาตั้งแต่ จุฬา ธรรมศาสตร์ ศิลปากรเธอดูไม่เป็นกังวลนักสำหรับผลการสอบที่เธอไม่หวังคุณพ่อคุณแม่ผู้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมีเงินทองมากมายเพียงพอที่จะส่งให้เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ใดก็ได้ ทั้งในและนอกประเทศ
ปอนด์ สาวประเภทสองผู้มีความมั่นใจในตัวเองสุดๆกำหนดแนวทางของเธอชัดเจนด้วยการไม่สอบเอนทรานส์เข้ามหาวิทยาลัยเธอเลือกที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยราชภัฎใกล้บ้าน เพื่อแลกกับการได้ดูแลธุรกิจขายผลไม้ในตลาดโต้รุ่งอันเป็นธุรกิจของครอบครัวอีกอย่าง หนุ่มตุ้งติ้งอย่างเธอ คงพบกับปัญหาในการปรับตัวมากมายหากต้องไปอยู่ไกลบ้านและต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนใหม่ๆ
ก้อย สาวสวย นักคิดผู้เคร่งขรึมเธอเรียนเก่งมาตลอด สอบได้ที่อันดับต้นๆ พูดน้อยแต่ทุกครั้งที่เธอพูด เพื่อนๆต้องหยุดคุยและหันไปฟังเธอพูดเสมอ เพราะสิ่งที่เธอพูดมักจะมีสาระและเรื่องที่ต้องคิด เธอมักจะถูกอุปโลกให้เป็นผู้พิพากษาตัดสินคดียามเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในระหว่างเพื่อนๆหรือแม้แต่ข้อขัดแย้งที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ความคิดเห็นของหมูก้อยจะเป็นความคิดเห็นสุดท้ายที่เพื่อนๆมักถือเอาเป็นข้อสรุปไม่มีใครในกลุ่มล่วงรู้ได้ว่า เธอเลือกคณะและมหาวิทยาลัยไหน
ในการสอบเอนทรานส์ครั้งนี้ทุกคนนั่งคุยกันที่ม้าหินใต่ต้นไม้ใหญ่ที่หน้าโรงเรียนอันเป็นสถานที่สอบเอนทรานส์ผลัดกันเล่าถึงจินตนาการของการได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มุ่งหวังดูทุกคนจะมีความสุข และมีความหวังค่อนข้างมากชีวิตวัยรุ่นอย่างพวกเขา จะมีอะไรน่ากังวลไปกว่า พรุ่งนี้ จะไปทานอะไรกันดีหนังเรื่องใหม่ เข้าฉายเมื่อไหร่ หรือ จะหาแผ่นเพลงที่อยากได้ที่ไหนดีตะวันสิ้นแสงลำสุดท้ายลงแล้ว
ใกล้เวลาที่ทุกคนต้องแยกย้ายกันกลับบ้านแมนเป็นคนแรกที่ขอตัว พาเรือนร่างตุ้ยนุ้ยที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทรถวิ่งออกไปอย่างเหงาๆ…
“ ไอ้แมนมันเป็นรัยของมันอ่ะ หน้าตายังคนไปกินอึมา” ปอนด์ ตั้งข้อสังเกตขึ้นมาลอยๆ กับเพื่อนที่เหลือ
“มันกลัวอ่ะดิ มีคนบอกมันว่า มหาลัยที่มันเลือกอ่ะ รับน้องกันดุ”สิทธิ์ เฉลย
“เออ นั่นดิ ชั้นว่าแล้ว พอถามว่ามันเป็นรัย มันบอกว่า มันกำลังหาทางลาอาทิตย์แรกตอนเปิดเทอมนี่เพิ่งรู้นะ ว่ามันกลัวพิธีรับน้อง” หนูหิ่นเสริม
“ อ้าว นึกว่ามันเศร้า เรื่องที่ยัยนัดนิดทิ้งมันไปมีแฟนใหม่”ฟ้าใสแสดงความกังขา
“ไม่หรอก มันลืมเรื่องนั้นไปนานแล้ว ตั้งแต่มันหันไปจีบยัยนกมันเครียดเรื่องรับน้องที่มหาลัยน่ะ”ปอนด์ย้ำ
“พวกแกก็อย่าไปเขย่าขวัญมันก็แล้วกัน ปลอบใจมันหน่อย”หมูก้อย สำทับมาเป็นเสียงสุดท้ายทุกคนพยักหน้าเออ ออ แล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน…….…….
แมน ยังนอนไม่หลับ แม้จะเป็นเวลาตีสองของวันใหม่แล้วปกติ หลังทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แมนใช้เวลาไม่มาก จากมื้อเย็นไปสู่นิทรารมย์แต่ในหลายๆวันมานี้ เขานอนหลับได้ยากเย็นเหลือเกินความคิดของเขายังสับสน ระหว่าง ความกล้าที่จะเผชิญหน้า กับความกลัว ที่ชวนให้เขาหาทางหลบหลีกจากปากคำของเพื่อนๆและคำร่ำลือที่ได้ยินมามหาวิทยาลัยที่เขาสอบเข้าได้นั่น ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของระบบอาวุโส หรือโซตัสที่นั่น การรับน้องมักจะมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยๆแทบทุกปีมีการรับน้องใหม่ด้วยวิธีประหลาดๆ จนกลายเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ให้เห็นเป็นประจำจากรุ่นสู่รุ่นปีที่พวกพี่ๆเคยเป็นน้องใหม่ เคยโดนมาอย่างไรรุ่นพี่จะจดจำและนำไปลอกเลียนใช้กับการรับน้องใหม่ในปีถัดมาดูจากข่าว ฟังจากคำร่ำลือ แมนก็แทบหมดกำลังใจที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นเสียแล้ว
“ชั้นจะผ่านมันไปได้ยังไง ๆ”คำถามเดิมๆ ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของแมนจนเขาผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย…….……………….
เสียงกลองที่ดังกระหึ่ม ผสมผสานไปกับเสียงโหวกเหวกที่ดังมาจากทุกซุ้มทำให้บริเวณสนามหญ้าหน้ามหาวิทยาลัย เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
“น้องๆประมง ทุกคน ให้มาพร้อมกันที่ซุ้มห้า เดี๋ยวนี้ “
“เฟรชชี่ วนศาสตร์ รับข้าวห่อด้วย”
“ วี๊ดดดดดดดดดดดดด บู๊มมมม “ฯลฯ..ฯลฯ..ฯลฯ
เสียงอึงอลที่ดังอยู่รอบๆ ทำให้แมนยิ่งรู้สึกตื่นเต้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้วันนี้ เป็นวันที่เขาต้องเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยคนเดียว โดยไม่มีแม่ หรือพี่สาวเดินจูงมือแมน เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับการเป็นลูกคนเล็กและน้องชายคนเดียวของแม่และพี่สาวพ่อของแมน จากไปนานแล้ว ตั้งแต่แมนยังจำความไม่ได้
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่แม่ ทุ่มเทความรักให้เขาสุดจิตสุดใจพี่สาวที่มีอายุห่างจากเขาหลายปี เฝ้าดูแลเขา ราวกับไข่ในหินในชีวิตของแมน ไม่เคยพบกับความยากลำบากอะไรเลยตื่นเช้าเพราะมีคนปลุก อาบน้ำแต่งตัว มีแม่คอยช่วยทานอาหารที่วางรออยู่บนโต๊ะ และไปโรงเรียนโดยมีพี่สาวไปส่งทุกวันเย็นเมื่อเลิกเรียน พี่สาวจะเป็นคนไปรอรับที่หน้าโรงเรียนและพาเขากลับบ้าน เพื่อมาพบกับขนมหรือของว่างที่วางรออยู่ทานขนมเสร็จ เขาก็ออกไปเล่นกับเพื่อนๆใกล้ๆบ้าน จนถึงเวลาที่ต้องทำการบ้าน ทานอาหารและเข้านอนโลกนี้ของเขา ช่างน่าอยู่จริงๆ
แม่และพี่สาวดูแลเขา ราวกับเขามีอายุหยุดอยู่แค่เพียงห้าขวบคอยดูแล จัดหา และตระเตรียมทุกอย่างให้เขาแมนคิดไม่ออกว่า ปราศจากแม่และพี่สาวแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
“ ไอ้อ้วน ยืนเหม่ออยู่หาอะไร รีบมุดๆเข้า คนหลังเขารออยู่”รุ่นพี่ที่ยืนคุมอยู่หน้าซุ้ม ตวาดเสียงดังลั่นเป็นครั้งที่สองเขาไม่รู้จริงๆ ว่ารุ่นพี่คนนั้น พูดกับเขา
เขาไม่คุ้นกับการถูกเรียกว่า”ไอ้อ้วน”หน้าตาของเขาเลอะเทอะไปด้วยการแต่งแต้ม ด้วยสีสัน อายแชโดว์และลิปติกมันไม่ได้ทำให้เขาดูสวยงามเลย นอกจากการปัดป้ายเพื่อให้เขาดูน่าขันจุกและแกะที่ถูกผูกอยู่รอบหัวโดยไม่ปราณีราศรัยว่าเส้นผมของเขาถูกดึงจนเจ็บน้ำตาแทบไหลโบว์และริบบิ้นต่างสี ผูกไว้กับจุก ยิ่งทำให้หน้าเลอะๆของเขา ดูน่าสมเพชมากขึ้นไปอีก
ไอ้ซุ้มอุบาทว์นี่ ช่างถูกออกแบบมาให้คลานได้ลำบากยากเย็นเหลือเกิน สำหรับคนที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากอย่างเขา การลงคลานสี่ขาในระยะทางขนาดนี้มันทำให้เขาเหนื่อยมากๆหัวที่เจ็บระบมไปหมดจากการถูกผูกผมกับใบหน้าที่คันยิบๆตลอดเวลาจากเครื่องสำอางค์ราคาถูกๆและสีสาระพัดชนิด ทำให้เขาต้องแค้นใจจนน้ำตาร่วงออกมาอย่างสิ้นอาย
“ อ้าว ร้องไห้ ซะแล้ว ไอ้อ้วน “ รุ่นพี่คนหนึ่ง สำราก
“ขี้แยอย่างนี้ แอ๊กกี้ไม่มีโว้ย”
“ถ้าสู้ไม่ไหว ก็กลับบ้านไปกินนมแม่ซะ”
แม่…..เขาคิดถึงแม่จับใจ ในนาทีนั้นนี่ ถ้ามีแม่อยู่ด้วย แม่คงไม่ปล่อยให้พวกนี้รังแกเขาอย่างนี้ถ้าแม่เห็นว่า เขาถูกพวกนี้ โขกสับยังไง แม่คงไม่ยืนดูอยู่เฉยแน่ๆแม่ ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องเขาแน่ๆ
“ ไอ้อ้วน ออกมานี่” คราวนี้ทุกคน หันมามองเขาเป็นตาเดียวกันแมน ค่อยๆ กระย่องกระแย่งลุกขึ้น แล้วเดินออกไปหน้าแถว
“ จะมาเป็นพวกเรา ต้องอดทน ต้องแข็งแกร่ง ต้องสู้”
“สู้ …ไม่สู้” …….” สู้! “
“สู้ …ไม่สู้” …….” สู้! “
“สู้ …ไม่สู้” …….” สู้! “
รุ่นพี่คนนั้นยังคงตะโกนปลุกใจน้องใหม่ทั้งหลายต่อไป โดยมีเสียงขานรับหนักแน่นดังออกจากปากน้องใหม่ทุกคนแน่ละ ก็ในเมื่อทุกคน มีรุ่นพี่ ยืนกระจายกันควบคุมอยู่ทั้งแถวอย่างนั้น จะมีใครกล้าแตกแถวนอกจากแมน…
แมนเพียงคนเดียว ที่ไม่ตะโกนคำว่า “ สู้ “ ออกมาเขายืนน้ำตาไหลอยู่หน้าแถว อยากให้วันนี้ จบลงโดยเร็วที่สุดคิดถึงแม่ใจจะขาด….แม่จ๋า
“ ไอ้อ้วน ออกไปขายโรตีหน้าแถวเดี๋ยวนี้ ขายโรตีน่ะ ทำเป็นมั๊ย”เขาเคยเล่นมาบ้านเหมือนกันจากการไปออกค่ายฤดูร้อนกับโรงเรียนและหลายครั้งกับการสมัครออกค่ายกับสถานีวิทยุบางแห่ง ที่จัดเป็นประจำการขายโรตีแบบนี้ มันดูน่าขำดีหรอก ถ้าเล่นกันเพื่อเป็นการสนุกไม่ใช่เพื่อเป็นการลงโทษประจานกันแบบนี้
“ โร….ตี……ส่ายไข่……โร …ตี…ส่าย .นม “ เสียงทุกคนช่วยกันร้อง โดยมีเขาเป็นคนเต้นอยู่คนเดียว
“ โร…ตี…ส่ายทั้งไข่….ส่ายทั้งนม “ เขาพยายามส่าย แต่เอวหนาๆของเขา ไม่เป็นใจเอาซะเลย
“อ้าว ไอ้อ้วน ทำไมไม่ส่าย” รุ่นพี่ตะคอก
“ ผมส่ายแล้ว” แมนเถียงทั้งน้ำตา
“ส่ายอะไร….ไหนๆ…มีใครเห็นไอ้อ้วนส่ายมั่ง”เงียบ !! ไม่มีใครตอบ
“งั้น…มาเต้นไก่ย่างกัน “
“ ไก่ย่างถูกเผา….ไก่ย่างถูกเผาเสียบก้นซ้าย …อ่ะ…เสียบก้นขวาร้อน…จริงๆ……ร้อน..จริงๆ..ร้อนจริงๆ “
“ไอ้อ้วน ทำไมไม่เต้นไก่ย่าง ห๊า !! แต่แล้ว ก่อนที่รุ่นพี่คนนั้น จะได้พูดอะไรต่อไปเสียงกริ่งบอกเวลาพักเที่ยง ก็ดังขึ้นมา
“ เอาละ ทุกคน ไปรับข้าวห่อที่หน้าเต๊นท์ แล้วกลับมาเจอกันที่นี่ เวลาบ่ายโมงเป๊ะ”
“ ไอ้อ้วน บ่ายโมงกลับมา มึงต้องเต้นไก่ย่างต่อ เป็นการแก้ตัว”
“ ถ้าเต้นไม่ได้ มึงตายแน่ เต้นเป็นมั๊ย ” รุ่นพี่ตะคอก
“ ผมเต้นไม่เป็นครับ”แมนพูดอ่อยๆ หวังความเมตตาเต็มที่แต่ดูเหมือนว่า รุ่นพี่คนนั้น เมามันเสียแล้ว กับการได้กลั่นแกล้งให้เขา เจ็บช้ำน้ำใจ
“ ถ้าเรื่องแค่นี้ ยังทำไม่ได้ “รุ่นพี่คนนั้น ยังคงคำรามต่อไป หลังจากที่ได้พล่ามจนน้ำลายแตกเป็นฟองฟ่อด จับเป็นกลุ่มขาวที่มุมปาก
“ มึงก็ไปตายซะเหอะ”……….……….………
แมน ไม่ทานข้าวเขาตัดสินใจอาศัยช่วงพักเที่ยง นั่งรถไฟฟ้าไปสถานีขนส่งแล้วซื้อตั๋วกลับบ้านทันทีพอกันที เขาจะไม่ยอมกลับไปร่วมพิธีการบ้าๆอย่างนั้นอีกแล้วถ้าไม่ได้เรียนที่นั่น ก็ชั่งหัวมันแต่เขาต้องตายแน่ๆ หากต้องไปยืนทำท่าอุบาทว์ๆแบบนั้น ให้ทุกคนหัวเราะเยาะทุกคน ที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ทุกคนที่ไม่รักเขา ทุกคนที่ไม่มีใครเข้าอกเข้าใจเขาทุกคนที่ไม่มีใครเลย ที่จะเห็นใจ สงสารเขา…………..………..………….
.แมนนอนน้ำตาไหลเงียบๆอยู่คนเดียว นานแล้วเขาไม่เคยเสียใจอย่างนี้มาก่อนเลยแม่และพี่สาว ที่เคยเข้าอกเข้าใจเขา กลับกลายเป็นใครที่เขาไม่รู้จักทันทีที่แม่และพี่สาวเห็นเขากลับมาบ้าน ในชุดกางเกงยีนส์และเสื้อยืดของมหาวิทยาลัยทั้งสอง ทำหน้าราวกับเห็นผี
“ แมน !!……นี่แมนมาได้ยังไงกัน “
“วันนี้ มหาวิทยาลัย เค้าเปิดแล้วไม่ใช่หรือ “หลังจากที่เขาเล่าทุกอย่างให้แม่และพี่สาวฟัง.แทนที่เขาจะได้รับการเห็นอกเห็นใจและความเข้าอกเข้าใจอย่างที่หวังมันกลับกลายเป็นว่า ทั้งสอง โกรธเขา ที่ไม่อดทน
“ นี่มันอนาคตของแกนะ แมน “
“ แกจะหนีเรื่องแค่นี้ โดยยอมโยนอนาคตทิ้งไปอย่างนั้นหรือ”
“อะไรกัน เรื่องแค่นี้ ใครๆเขาก็ต้องเจอกันทุกคน ทำไมแกคนเดียว ที่ทนไม่ได้”…..….….
ไม่มีใครเข้าใจเขาเลยจริงๆไม่มีใครเลยจริงๆเขากดโทรศัพท์มือถือไปถึงเพื่อนๆในกลุ่มทุกคนสิทธิ์ หนูหิ่น และหมูก้อย คงอยู่ในพิธีรับน้องของมหาวิทยาลัย จึงไม่รับสายฟ้าใส ไม่เปิดเครื่อง เขาโทรฯไปที่บ้าน รับทราบว่า ฟ้าใส ไปออสเตรเลีย เพื่อติดต่อมหาวิทยาลัย
ปอนด์ รับโทรศัพท์ แต่แนะนำให้เขากลับไปที่มหาวิทยาลัย
“ ถ้าแกทนแค่นี่ไม่ไหว แกก็ไม่ควรอยู่เป็นคนแล้วละ ไอ้แมน”ปอนด์พูดแรงๆ ตามนิสัย โดยไม่นึกเลยว่าเขากำลังต้องการคนปลอบใจไม่ใช่คนที่จะผลักหลังให้เขากลับไปสู่ความเจ็บปวดนั้นอีกแมน ปิดเครื่องโทรศัพท์ ล้มตัวลงนอนน้ำตาแห่งความคับแค้นใจหลั่งไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองราวกับความชอกช้ำได้บดขยี้ดวงใจของเขาจนกลายเป็นของเหลว แล้วหลั่งออกมาทางนัยน์ตาโลกเล็กๆใบนี้ ที่เคยอบอุ่น ที่เคยปลอดภัยบัดนี้ ไม่มีอีกแล้ว………..
แมนปีนขึ้นไปบนเก้าอี้เชือกที่ผูกเอาไว้กับขื่อประตู บัดนี้ ถูกขดปลายอีกข้างให้เป็ห่วงเงื่อนตายมีขนาดใหญ่พอ ที่จะสอดหัวเข้าไปได้แมนเอาหัวสอดเข้าไป กระชับเชือกให้คล้องไปรอบคอเลื่อนเงื่อนปมให้หมุนไปอยู่ด้านหลังเชือกมีความยาวเพียงเล็กน้อยไม่พอแน่ที่จะทำให้เขายืนถึงพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว
เขาเอนตัวไปข้างหน้า แล้วถีบเก้าอี้ ให้ล้มไปด้านหลังแรงดึงดูดของโลกทำให้น้ำหนักตัวเกือบ 80 กิโลกรัม ของเขาตกลงเป็นแนวดิ่งสู่พื้นแต่ก่อนที่เท้าของเขาจะสัมผัสพื้นเชือกที่คล้องคอ ก็หมดระยะความยาวเชือกเส้นนั้น ทำหน้าที่หยุดการตกของเขาในทันทีแรงเฉื่อยของน้ำหนักตัวที่ตกลงมากระชากให้กระดูกก้านคอ หลุดออกจากกันในทันทีหลอดลมฉีกขาดกล่องเสียงแตกไขสันหลังที่ฝังตัวอยู่ในกระดูกสันหลังฉีกขาดออกจากกันพร้อมๆกับเส้นประสาทเส้นเลือดในสมองหลายเส้น ระเบิดออกเพราะความดันที่ทวีขึ้นในฉับพลันแมนรู้สึกเจ็บรอบคอบริเวณเชือกรัดอยู่ในเสี้ยววินาทีต่อมา
เขารู้สึกถึงการฉีกขาดและแตกหักลมหายใจถูกกระแทกออกจากอกและไม่สามารถสูดเข้าได้อีกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีกลายเป็นความรู้สึกเย็นซ่า กระจายไปทั่วร่างเจาไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปร่างของเขา กระตุกอีกเล็กน้อย ด้วยการทำงานที่หลงเหลืออยู่ของประสาทและกล้ามเนื้อในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาร่างกายของแมนก็สงบนิ่งลิ้นถูกแรงกดของเชือก ดันออกมาจุกปากตาถูกแรงดันของของเหลวภายในดันจนถลนออกมานอกเบ้าเส้นเลือดที่แตก ปล่อยให้เลือดบางส่วนไหลออกมาทางหู และจมูกทวารหนักและเบา เปิดออกเพราะไม่มีการควบคุมอุจจาระและปัสสาวะ ไหลผ่านขากางเกง หยดเรี่ยราดลงสู่พื้น ส่งกลิ่นตามธรรมชาติของมัน
ลาก่อน แม่
ลาก่อน พี่สาว
ลาก่อน เพื่อนๆ
ลาก่อน รุ่นพี่ใจร้าย และมหาวิทยาลัยที่เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัส
ลาก่อน ไก่ย่างลา….ก่อน……………
ไก่ย่างถูกเผา….ไก่ย่างถูกเผาเสียบก้นซ้าย …อ่ะ…เสียบก้นขวาเสียบก้นซ้าย …เอ้า…เสียบก้นขวาร้อน…จริงๆ……ร้อนจริงๆ……ร้อนจริงๆ……………………….

Thursday, January 26, 2006

อันเนื่องมาจาก Koratech และ Dream Theatre


ผ่านไปแล้วครับเมื่อวันที่ 25 มกราคม กับงานคอนเสิร์ตของสุดยอดวง Progressive Metal ระดับโลกที่ยกพลกันมาครบทีมเพื่อมาโชว์ความสามารถอันสะเด็ดสะเด่าของพวกเขาที่อาจทำให้เหล่านักดนตรีทั้งหลายในไทยต้องกลับไปนั่งรำพึงกับตัวเองว่า "ข้าพเจ้าฝึกมาน้อยไป ต้องกลับไปฝึกวิชามาใหม่อีก 10 ปี"
งานคอนเสิร์ตครั้งนี้ผู้จัดหรือโต้โผในการจัดงานครั้งนี้คืออาจารย์ปราชญ์ ที่นักดนตรีรู้จักกันดีนั่นเอง บัตรราคาก็ไม่แพงครับถูกสุด 600 แพงสุด 3000 มั้งถ้าจำไม่ผิด บางคนอาจจะบอกว่าแพง หรือว่าวงอาไรหว่าไม่เห็นรู้จักเลยมันจะดีกว่า พี่Rain ตี๋หล่อเกาหลีกินเหล้าเกาเหลียงนอนเกาหลังกินเกาเหลาได้ยังไงฟะ แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่า นี่คือคอนเสิร์ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายๆปีที่ผ่านมาเลยนะครับ ด้วยฝีมือของพวกเขาซึ่งอาจจะทำให้คุณตะลึงอ้าปากค้างคิดว่า มันเล่นของมันได้ไงวะเนี่ยก็คุ้มแล้วนะครับ ใครที่ชอบดนตรีแล้วไม่ได้ไปดู น่าเสียดายครับและผมก็ต้องเสียดายแทนคุณด้วยเช่นกัน แต่ไม่ต้องมาอิจฉาผมหรอกนะครับ ทำไมน่ะหรือ ?
ผมเองก็ไม่ได้ดูไอ้วงบ้านี่เช่นกัน!!!

เรื่องของเรื่องมันก็มีอยู่ว่าเมื่อก่อนสิ้นปีไอ้เพื่อนแทนของผมไปได้งานแปลสัญญาของKoratech มาก็แบ่งกันคนละครึ่งได้คนละ 4500 บาท ซึ่งมันจะทำให้ผมมีเงินไปซื้อตั๋วได้ ตอนแรกเราก็คิดว่ากันว่าหมูมากแค่คนละ 15 หน้าเท่านั้น แต่ที่ไหนได้ แม่งๆโครตยากเลยในสัญญามันมีแต่คำศัพท์ทางวิศวกรรมโยธา อย่างไอ้คำว่า commissioning มันแปลว่า กระบวนการทดลองเดินเครื่องจักรก่อนการตรวจรับงานที่จ้างตามสัญญา เอากะมันสิคำนี้ผมใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะไปหาเจอในดิกได้
จริงๆแล้วมันก็มีอีกเยอะครับที่เห็นศัพท์มันแล้วอยากจะกระโดดน้ำตายหรือตบกบาลตัวเองให้หายโง่เสียที เช่น civil work ครับเป็นไงอ่านแล้วน่าจะเข้าใจไม่ยากนะครับ แต่กว่าจะหาคำไทยที่เหมาะๆได้ก็แทบแย่ ตอนผมเจอคำนี้ผมก็จนปัญญาเลยถามเพื่อนผม (ไอ้แทนนั่นแหละ)ว่ามันคืออะไรมันดันตอบมาอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับยักคิ้วว่า civil แปลว่า แพ่ง work แปลว่า งาน ดังนั้นมันก็คืองานแพ่ง ขอบคุณนะมึง ผมเองก็เกือบๆจะแปลลงไปว่างานแพ่งแล้ว แต่เผอิญไปเปิดดิกทางวิศวะเข้าซึ่งมันแปลว่า งานโยธา ดีนะเนี่ยที่เจอไม่งั้นคนรู้เรื่องอ่านคงขำเราแย่
แต่ในที่สุดงานก็เสร็จจนได้แทนก็รับช่วงต่อจากผม ซึ่งมันก็ประสบปัญหาอย่างเดียวกับผมเช่นกันแต่ด้วยความสามารถทางภาษาปะกิดที่มากกว่าผมมันก็ทำเสร็จแล้วก็ส่งไปครับแล้วก็รอเงินกัน
รอ................
รอ................
รอ................
รอ................
ก็ยังไม่ได้ค่าแปลครับจนใกล้จะมีคอนเสิร์ตแล้วมันก็ยังไม่ได้โอนเงินมาสุดท้ายได้ความว่าต้องแก้งานเล็กน้อย เราก็เลยต้องแก้แล้วส่งไปอีก แทนส่งงานไปเมื่อวันจันทร์จนบัดนี้วันที่กะลังเขียนอยู่นี่เงินก็ยังไร้วี่แววที่จะได้ ผมเลยอดดูคอนเสิร์ตวงนี้เลย
บัดซบๆๆๆๆๆๆๆ ฮืออออออออ
กูจะฆ่ามึง!!!!!!!!

Wednesday, January 18, 2006

มอบให้สาวญี่ปุ่นสุดน่าร้าก





มีความสุขจัง...กิ๊วกิ้ว